วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

ทัวร์ ถ่ายรูป 34

งานทัวร์รุ่น 34 เหล่าถ่ายรูป จะเป็นการเดินทางเริ่มวันที่ 7 เมษายน เป็นวันที่เรารวมตัวกันที่บ้านของเจน ประมาณ 7 โมงเช้าการรวมตัวที่ไม่เป็นทางการ คุณปิยะเดินทางมาจากโคราช ตอนตี 4 แต่คุณณุมาจากพิษณุโลกตั้งแต่ก่อนล่วง 1 อาทิตย์มาธุระด้วย ส่วนโอมาจากสุราษฎร์ตอน 7 โมงไปถึงที่หมายหัวหินเลย จะไม่เข้ากรุงเทพ ส่วนคนกรุงเทพล้อหมุนประมาณ 9 โมง ทุกคนพร้อมนานมากรอจนเบื่อหลับแล้วหลับอีก เหลือแต่ไอ้ต่ายตัวเดียวที่ช้าสุด มันมัวแต่ไปรอใครส่งเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ เขาประจำเลย ร่ำลาเด็กตลอดเลย เลยทำให้ทุกอย่างรวนไปหมด ส่วนยศก็มาถึงบ้านเจนประมาณ 9 โมง คุณต่ายก็มาถึง ประมาณ 9 โมง 15 นาที ลูกยะก็ง่วงแล้วง่วงอีก ล้อหมุนก็ 9 โมงครึ่ง ท่านต่ายก็ไปเติมน้ำมันอีก พอออกถนนใหญ่รถก็ติดอีก แย่มากเลยแต่ขบวนของเราก็มี 2 คัน เป็นรถต่าย นั่ง 4 คน รถของปิยะก็นั่งครอบครัวปิยะ 4 คน ลูก 2 คน เมีย 1 คนการเดินทางใช้เส้นทางวิภาวดีรังสิต ไปขึ้นทางด่วนดินแดง ไปถนนกาญจนาภิเษก ออกบางมด ไปสมุทรสาคร ออกเพชรบุรี ในตอนแรกจะแวะหลายที่ แต่ออกมาจากกรุงเทพช้า เลยทำให้ไม่ได้ไปไหนอีก เพราะโอก็ขับเข้ามาตามเวลาจะทำให้โอไปถึงทีหมายเร็ว ซึ่งความจริงโอมาถึงที่หมายตามปกติ แต่ช้าไปก็เพราะตอนออกจากกรุงเทพไอ้ต่ายช้า แต่ช้าบ้างเพราะมีเด็กด้วย จึงมีการพักกลางทางเป็นระยะ ส่วนโอเดินทางมาถึงทีหัวหินเร็วกว่าเพื่อน จึงเปลี่ยนที่หมายให้ไปพบกันที่ ค่ายพระรามหก ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังราชนิเวศน์มฤคทายวัน ส่วนกลุ่มใหญ่ก็นั่งกินข้าวกลางวันกันที่ร้านส้มตำ ร.ฟ.ท.จากนั้นก็เดินทางต่อไปเจอกับโอที่พระราชวังการพบปะ บ่ายโมงกว่าๆ การรวมตัวกันก็เริ่มตันขึ้นอย่างเป็นทางการ สมาชิกก็ครบตามกำหนด จากนั้นก็เข้าไปชมบรรยากาศภายในพระราชวัง ซึ่งมีความร่มรื่นของหมู่แมกไม้ และลมเย็น ซึ่งติดทะเลและมีบ้านเรือนซึ่งสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง เนื่องจากลมทะเล ทำให้บ้านที่สร้างจึงไม่ได้เป็นโลหะไม่อย่างนั้นจะทำให้ เป็นสนิมได้ จึงต้องสร้างบ้านเรือนติดทะเลเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง ความงดงามยากจะบรรยายหมด รวมทั้งความสง่างามขององค์พระที่นั่ง เราก็ได้เช่าจักรยาน ขี่ชมบรรยากาศ รวมทั้งพระที่นั่งทั้งหมด เมื่อสมควรแก่เวลา จึงจากความสวยงาม ณ ที่แห่งนี้ไปอย่างประทับใจ
จากนั้นจึงเดินทางต่อไป เพื่อไปยังที่พักที่บ่อฝ้าย ซึ่งเป็นที่พักของทางกรมสวัสดิการ เพื่อข้าราชการได้ไปพักผ่อนกันได้ 1ห้องราคา800 บาท พร้อมอาหารเช้า 1 คนข้าราชการ สามารถจองได้ 2 ห้อง ถ้าเกินก็จ่ายราคาปกติ สมาชิกก็เริ่มเข้าห้องพัก เก็บข้าวเก็บของแล้วไปเที่ยวต่อที่เขาตะเกียบ ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเป็นจุดชมวิวของ ทะเลหัวหินซึ่งสวยมาก บริเวณเขาตะเกียบก็จะมีชาวประมงมาขายของ ซึ่งเป็นของทะเล มีทั้งสดและแห้ง ราคาถูกเนื่องจาก ชาวประมงได้ขายเองด้วย นำขึ้นมาสดๆ จากทะเล เขาก็จะบริการให้เรา ไม่ว่าจะเป็น ปิ้ง ย่าง นึ่ง เผา มีหมด และท้ายสุดคือ ราคาถูกมาก ปู ราคาโลละ 250 บาท ต่อได้ ใครชอบอย่างไหนก็เชิญตามสะดวก แต่ควรมาประมาณ 11.00 น. เนื่องจากของที่นำมาจากทะเลจะสด ถ้ามาเย็นๆ ประมาณ 4-5 โมงเย้น ก็จะได้ของที่เขาปรุงแล้วอาจจะไม่ค่อยหวานเท่าที่ควร เมื่อได้อาหารเย็น ก็เดินทางกลับที่พัก เพราะว่าเด็กๆ อยากเล่นน้ำใจจะขาดแล้ว ข้ามโขงมาเล่นถึงเมืองไทยเลย ก็ลูกปิยะ เพื่อนเรานั้นเอง อาจจะเล่นไม่จุใจ ก็อาจจะเล่นตอนเช้าได้อีก ส่วนเพื่อนๆ ที่จะกิน เหล้า เบียร์เย็นๆ ก็บรรเลงได้ กินไปคุยไป ระลึกถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยเรียน นินทาบรรดาเมืย ก็ตามสไตล์ ผู้ชายอีกแหละไม่พ้นเรื่องใต้สะดือ สนุกสนาน มีเหล้าโขก ของจ่าเจน มีเหล้าใส่แก้ว มะนาวบีบ เกลือหน่อย โซดาเติมเต็มแก้ว ปิดฝาโขกกับโต๊ะ ฟองฟอดเลย จากนั้นก็กระดกเข้าปากมีหรือจะไม่อร่อย เด็ด จ่าณุ ของเรา ชอบเรืยกร้องให้ทำจนซะใจ เพื่อนต่ายกินข้าวผัดได้ซะใจมาก เหมือนไม่เคยเจอข้าวผัดมาก่อน แต่ไม่จุใจก็มีอันต้องพับเก็บ เนื่องจาก ระหว่างที่พวกเรากินกันอยู่นั้น ก็มีฝนตกมาปรอยๆ แต่ก็ไม่อาจห้ามบรรยากาศของเราได้ ก็กินไปคุยไป จ่ายศก็พูดชวนไอ้ทิด และไอ้ชา มากินด้วย จ่ายะก็เทเหล้าให้ มีปู กุ้ง ให้เพื่อนได้กิน และขอให้เพือนช่วยให้ฝนหยุดที ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับคุณผู้อ่าน หยุดอย่างปาฏิหาริย์ พวกเราก็มองหน้ากันแล้วก็กินต่อ และก็ขอบคุณเพื่อนที่ทำให้ฝนหยุด จากนั้นเราก็พูดแหย่เพื่อนทิดและเพื่อนชาอยู่เรื่อย คุยไปกินไปได้ระยะเวลาหนึ่งอยู่ดีๆ เพื่อนยศก็หลับไปโดยไม่บอกกล่าว แบบว่าหลับไปโดยขาดสติไปเลย งงมาก บรรยากาศก็เริ่มแปลกๆ จะนำเพื่อนยศไปนอน เพื่อนก็อ้วกกันเห็นๆ อ้วกจนตัวโก่ง แบบซะใจมากไม่รู้เรื่องรู้ราว ปิยะก็แบกขึ้นห้อง ทุกคนก็เก็บของขึ้นห้องแล้วก็นอน จะได้มีแรงเดินทางต่อวันพรุ่งนี้ ก่อนจะนอนทุกคนก็นอน มีอยู่ 1 คน ที่ไม่ยอมนอน คุยโทรศัพท์ เดินไปเดินมา ดูบอล มันคือไอ้ต่าย จนถึงตี4 ได้มันจึงนอน มันบอกว่านอนไม่หลับ เอาเป็นว่า รุ่งขึ้นเจอกัน
เช้าวันใหม่ อากาศสดใส ตื่นกันประมาณ 7 โมงได้เจนตื่นคนแรกแล้วปลุกเพื่อนๆ จากเมื่อคืนที่ Hang over กัน เดินปลุก ไล่ไปจาก ต่าย โอ ณุ และ ยศ เป็นคนสุดท้าย เพราะกลัวว่าเพื่อนจะลุกไม่ไหว เพราะจากการอ้วกเมื่อคืน จากนั้นก็ไปปลุกปิยะ เรียกเท่าไหร่ ก็ไม่ตื่น ปรากฎว่า ลาวไม่เคยเห็นทะเล ลงไปเล่นน้ำกันทั้งครอบครัว สนุกสนาน จนได้ที่ก็ขึ้นมาอาบน้ำลงไปทานอาหารเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ครบถ้วน ด้ายหน้าตาที่แบบบวมๆ เหล้า สลึมสลือ มองหน้ากันก็ยิ้มกัน เอาเป็นว่ามองหน้ากันคือถ้ามีเพื่อนมาเยอะๆอีก ก็มันกว่านี้ อาหารเช้าก็เป็น ไข่ดาว หมูแฮม ไส้กรอกเยอรมันตะวันแดงสาดแสงเดือน ข้าวเปล่า กระเพราไก่ ข้าวตัมกุ้ง ขนมปัง แยม เนย สลัด ผลไม้ น้ำส้ม น้ำเปล่า กินกันจนพุงกางเลย ได้เวลาประมาณ 9 โมงก็เดินทางต่อเก็บข้าวของ ถ่ายรูปด้านหน้าของที่พักบ่อฝ้าย ปิยะก็เก็บเบียร์ที่เหลือกลับบ้านไปเป็นที่ระลึก ประมาณ เกือบ 10 กระป๋อง ขนมขบเคี้ยวอีกห่อใหญ่ งานนี้ไม่มีใครคุ้มเท่าปิยะอีกแล้ว จากนั้นก็คืนเงิน คนละ 1000 บาท และคืนค่าน้ำมันอีก คันละ 500 บาท เราเริ่มเดินทางต่อไปทำสังฆทาน ให้เพื่อนของเราที่เสียชีวิตไป คือ จ.อ.อาทิตย์ พลนาค และ พ.อ.อ.ปรีชา ภู่โต๊ะยา เรายังระลึกถึงเพื่อนเสมอ ไม่เคยลืมเลือน เพื่อนยังอยู่ในความทรงจำของเราตลอดเวลา เราได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เพื่อนทุกครั้งที่เราได้ไปเที่ยวกัน ครั้งแรกที่ จ.ระยอง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เมื่อได้ทำบุญกรวดน้ำเสร็จ ก็ร่ำลาเพื่อนที่แยกออกไปก่อนคือปิยะ ต้องรีบเดินทางไปอีกไกล คือ จะกลับ โคราช ต้องใช้เวลาเดินทางอีกไกลมาก ก็ร่ำลาลูกน้อยของปิยะ 2 คน และเมียอีก 1 คนคนปัจจุบัน สมกับเป็นผู้นำทีดีของครอบครัว ส่วนเพื่อนที่แยกกลุ่มเล็กของเราอีกกลุ่มก็เดินทางไปเที่ยว เขาย้อย ซึ่งมีลิงเยอะมาก สถานทีแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เราเดินทางผ่านมาแล้วแทบจะทุกครั้งของการเดินทางมายังภาคใต้ เพื่อนหลายคนก็เดินทางผ่านมา แต่ไม่เคยมีใครได้แวะเข้ามาบริเวณแห่งนี้ ทุกคนลงความเห็นว่าเข้าเถอะ เมื่อเข้าไปก็พบกับเพื่อนที่ต้อนรับเรา คือเจ้าลิงน้อย เป็นสิบต้ว เยอะมากมาย เราเดินก็ต้องระวังให้ดี เพราะกลุ่มเรามีเด็กด้วยคือ ลูกของโอ เข้าไปไหว้พระด้านใน ลงถ้ำเข้าไปอีก ไปนมัสการพระประจำวันเกิด ไอ้ต่ายอีกแล้ว สวดพระประจำวันเกิด 17 จบ นายสวดนานมาก เอาความดีเข้าข่ม เพื่อนทุกคนก็รอเขาอีกตามเคย เมื่อไหว้พระเสร็จก็เดินดูบริเวณโดยรอบ ยศของเราเดินนำไปก่อน บุกเข้าไปในจุดแต่ละจุดก่อน ปรากฎว่าเดินไปเหยียบขี้ ครับท่าน ไม่รู้ขี้อะไร ซวยสุดเลย ทุกคนลงความเห็นว่าเป็นขี้คน ยศก็เดินไปลากเท้าไปก็คือเช็ดไปในตัวตามทางลงบันได ถ้าใครเดินตามยศ ก็เหยียบขี้ด้วยเหมือนกัน กลับมาที่รถก็ต้องรีบล้าง เดี่ยวรถต่ายเปื่อนและเหม็น เมื่อครบทั้ง 6 คนก็เดินทางไปเที่ยวต่อ ที่สมุทรสงคราม ดอนหอยหลอด ไปชมบรรยากาศดื่มด่ำกับทะเล กินอาหารทะเลต่อยังไม่จุใจครับ กินหอยหลอดผัดฉ่า อร่อยแต่แพงไปหน่อย ระหว่างกินก็โทรหาเพื่อนปิยะ ปรากฎว่าเมียปิยะ อ้วกในรถ ลูกปิยะเห็นแม่อ้วก ก็อ้วกตามเลอะรถหมดเลย สาเหตุก็เนื่องจากกินอาหารทะเลไม่สดเมื่อคืนนั้นเอง เพื่อนทุกคนเป็นห่วงมากนะแต่คุณได้ไปต่อแล้ว
ส่วนเพื่อนทางนี้ก็รับประทานอาหารต่อ ณุของเราก็โทรศัพท์หาเด็กตลอดทางเลย คุณพ่อโอก็ดูแลลูกไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อคิดเงินเสร็จเป็นอันว่าเดินทางต่อไปเข้าวัดที่ทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง สวยงามมากอยากให้ทุกคนมาเห็น ไปไหว้พระขอให้เป็นนายร้อยทุกคนในรุ่นเลย เรียกได้ว่ากินเหล้าเข้าวัด ทำบุญถึงเพื่อน ปรัชญาของรุ่นเราจากนั้นพวกเราก็ มุ่งหน้าสู่กรุงเทพ มาถึงเกือบ 5 โมงเย็น ส่วนปิยะก็เดินทางกลับถึงโคราช ประมาณ ตี 2 ทุกคนสนุกแต่เหนื่อย ไม่อิ่มหนำเท่าไหร่ แต่อยากให้เป็น 3 วัน 2 คืน กำลังดี เอาไว้ปีหน้าของทริปใหม่ เราจะไปไหนเพื่อนๆ ก็ติดตามได้ความคืบหน้าเราจะบอกเป็นระยะนะ และเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งด้วยนะเพื่อน เจอกันทริปหน้านะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น